แปดขุนเขา
Le otto montagne
Paolo Cognetti เขียน
นันธวรรณ์ ชาญประเสริฐ แปล
สุริยกานต์ พรมมงคล พิสูจน์อักษร
ธีรโชติ จิวรเศรษฐ์กุล ผู้ช่วยพิสูจน์อักษร
วิลาวัณย์ โพธิ์ปี รูปเล่ม
ศรัทธา แสงทอน วาดภาพปก
เฉลิมพันธุ์ ปัญจมาพิรมย์ ออกแบบปก
ISBN: 978-616-93487-8-8
พิมพ์ครั้งแรก : มีนาคม 2564
ปกอ่อน 208 หน้า ราคา 250 บาท


แปดขุนเขา

แปดขุนเขา พูดถึงมิตรภาพระหว่างเด็กชายสองคนที่ก่อเกิดบนภูเขาแห่งหนึ่งในเทือกเขาแอลป์ ทั้งคู่เติบโตขึ้นพร้อมกับความผูกพันที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้ว่าคนหนึ่งจะไม่เคยจากขุนเขาบ้านเกิดไปไหนเลย ส่วนอีกคนเดินทางท่องโลกด้วยเหตุผลที่เขาตอบคนอื่นว่า ปรารถนาจะเห็นยอดเขาสวยๆ ในที่ไกลๆ ชายชราชาวเนปาลคนหนึ่งจึงเล่าให้เขาฟังว่า มีแปดขุนเขาล้อมรอบเขาพระสุเมรุ และถามว่า ระหว่างคนที่ท่องไปทั้งแปดขุนเขา กับคนที่ไปถึงยอดเขาพระสุเมรุ ใครได้เรียนรู้มากกว่ากัน คำตอบของเขาอยู่ในนวนิยายเรื่องนี้ แต่นั่นอาจไม่ใช่สารัตถะของเรื่อง

“อาจกล่าวได้ว่า ผมเริ่มเขียนเรื่องนี้ตั้งแต่เด็กๆ เพราะเรื่องราวนี้เป็นของผมเช่นเดียวกับความทรงจำของผม หลายปีมานี้ เวลามีคนถามว่า มันเล่าถึงอะไร ผมตอบเสมอว่า เล่าถึงเพื่อนสองคนกับภูเขา” — เปาโล คนเญตติ

Le otto montagne (แปดขุนเขา) ตีพิมพ์ครั้งแรก ปี 2016 ได้รับรางวัล Premio Strega 2017 ของอิตาลี และรางวัล Prix Médicis étranger 2017 ของฝรั่งเศส แปลและตีพิมพ์ใน 39 ประเทศ


Reviews

“ผมอ่านหนังสือที่ดีและวิเศษจนจบไปอีกเล่มหนึ่งเมื่อคืนตอนตีสาม อ่านแล้วก็รู้สึกขอบคุณตัวหนังสือทุกตัวที่เขาเขียนออกมาอย่างเรียบง่ายและเล่าเรื่องได้อย่างงดงาม ทั้งหมดเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก ระหว่างครอบครัว และกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งอยู่ติดที่ไม่คิดจะออกไปไหนไกลกว่าหมู่บ้านบนภูเขาของตัวเองในหมู่บ้านกรานา
 
หนังสือที่เราไม่ได้บอกว่ามันดีแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นหนังสือวิเศษมีพลานุภาพที่ทำให้เรารู้สึกสงบ ดิ่งลึก ครุ่นคิดถึงชีวิตทั้งที่ผ่านไปแล้ว หรือกำลังจะมาถึง และยังทำให้การมองโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่รู้ตัว”
ขจรฤทธิ์ รักษา


“เป็นเรื่องเล่าของมิตรภาพระหว่างผู้ชาย และก็ความสัมพันธ์กับภูเขา กระนั้นมันก็แตะจิตวิญญาณเราและความสัมพันธ์ที่เรามีกับภูเขา ในขณะที่เรามีอารมณ์ร่วมและแชร์หลายช่วงขณะกับภูเขาของทุกตัวละคร แต่เราว่าเราคล้ายแม่ของผู้เขียนที่สุด เพียงแต่ระดับความสูงที่เราชอบที่สุดอยู่สูงขึ้นไปกว่าป่าที่แม่แกชอบ โซนของเราคือทุ่งดอกไม้อัลไพน์ โซนสูงสุดสุดท้ายที่ชีวิตโลกเบ่งบาน โลกน้ำแข็งบนเขาสูงถัดขึ้นไปงดงามจับใจ แต่เราขออยู่กับพลังชีวิตของพันธ์ุพืช ตอนนี้มันกลายเป็นหนังสือเล่มโปรดที่สุดเล่มหนึ่งของเราแน่นอน”
สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์


“เรื่องเล่าเรียบง่าย เนิบช้า ไม่มีส่วนใดหวือหวา ตลอดเนื้อหาราว 200 หน้า ฉากแทบทั้งเรื่องอยู่บนภูเขา คนชอบปีนเขาอย่างผมจึงชอบเป็นพิเศษ แต่กับนักอ่านทั่วไปนี่คืองานเรียบ เงียบ ช้า ตลอดทั้งเรื่อง ในตอนใกล้จบ ช่วงหนี่งผมก็น้ำตาคลอโดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่งานที่อ่านแบบสนุก และไม่ได้ใส่ปรัชญาแบบโจ้งแจ้ง มันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ผู้อ่านว่าจะมองเรื่องราวนี้อย่างไร”
ละเวง ปัญจสุนทร


“คุณไม่ต้องถามหรอกนะว่า ว่าร้องไห้ไหมเล่มนี้ ผมอาจจะบอกได้แค่ว่า ร้องเหอะ ถ้าหัวใจคุณไม่ใช่ธารน้ำแข็งในดินแดนที่มีแต่ฤดูหนาวตลอดปี”…อ่านต่อ
เน็ต-นัฎฐกร ปาระชัย


“นี่คือหนังสือที่งดงามนุ่มนวล อ้อยอิ่ง และค้างคา เหมือนหิมะที่ค่อยๆ ร่วงหล่นบนภูเขาไกลโพ้น ไม่มีใครพบเห็น ไม่แสดงตัว ไม่โอ่อวดใดๆ นิ่งเงียบ และค่อยๆ ปล่อยให้รอยเท้าของเรื่องราวดำเนินไปช้าๆ กับภาษาที่งดงามจนแทบลืมหายใจ
สำหรับผม – นี่เป็นหนังสือที่งดงามที่สุดเล่มหนึ่งในชีวิตการอ่านหลังปี 2000 เลยทีเดียว”…อ่านต่อ
โตมร ศุขปรีชา


“เหมือนที่ปิเอโตรในวัยเด็กมักจะรู้สึกว่า​ เขาอยากให้คืนวันบนภูเขายืดยาวออกไป​ เราเองก็อยากให้นิยายเรื่องนี้ยืดยาวออกไป​ อยากผูกพันและอยู่กับตัวละครไปอีกนานๆ​ ยิ่งใกล้จบยิ่งไม่อยากให้จบ​ อาจเหมือนการปีนเขาที่พอถึงจุดหนึ่งเราก็อาจจะชะลอฝีเท้าลงเพราะรู้ว่ายอดเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม
 
เรื่องเล่าเรียบง่าย​ แต่แม่นยำ​ ซื่อตรง​ และทรงพลัง​ เป็นงานเขียนประเภทที่หลังจากปล่อยให้ตกผลึกจนได้ที่แล้ว​ คงหยิบมาอ่านซ้ำอีกหลายๆ​ รอบเพื่อ​สำรวจความแวววาวในแง่มุมอื่นๆ​ ของมัน​ เหมือนที่ตัวละครในเรื่องนี้ไม่เคยหน่ายทึ่จะสำรวจแง่มุมใหม่ๆ​ ของภูเขาลูกเดิม”…อ่านต่อ
Nitthita, Goodreads Reader


“บนยอดเขา บริเวณที่เวิ้งว้างวังเวง จุดที่บางครั้งความว่างเปล่ารอบกายทำให้เราถามตัวเองด้วยคำถามดูหมิ่นความพยายามว่าขึ้นมาเพื่ออะไร ความทรงจำที่ผ่านมาทั้งหมดบนเส้นทางอาจตอบเราว่าเพื่อการเรียนรู้ เราอาจคิดถึงประโยคที่ว่า ‘แล้วเราก็พูดกันว่า ใครได้เรียนรู้มากกว่ากัน คนที่ท่องไปบนแปดขุนเขา หรือคนที่ไปถึงยอดพระสุเมรุ'”…อ่านต่อ
แมท ช่างสุพรรณ


“ผู้เขียนเลือกใช้คำมาอธิบายภาพฉากและบรรยากาศของธรรมชาติในแต่ละฤดูได้อย่างละเอียดลออ จินตนาการถึงแสงแดด หิมะ สายฝน ธารน้ำแข็ง โตรกผา หุบเหว โกรกธาร ทะเลสาบ ต้นไม้ใบหญ้า กลิ่นอายของฟาร์มปศุสัตว์ได้อย่างเห็นภาพกระจ่างแจ่มชัด ระหว่างบรรทัดยังซุกซ่อนปรัชญาคมคายและบทเรียนชีวิต เนื้อเรื่องก็เปี่ยมเสน่ห์ คละเคล้าด้วยความทรงจำที่ครบรส ทั้งสุข เศร้า เหงา ซึ้ง ชุบชูใจ และสะเทือนใจไปพร้อมๆ กัน
 
อ่านแล้วคิดถึงการเดินทางไป ‘อาบป่า’ ท่ามกลางธรรมชาติ บนภูเขาสูงห่างไกลผู้คน ในวันที่แสงแดดอุ่น อากาศสดชื่น ฟังเสียงน้ำไหลจากลำธาร สูดกลิ่นดินกลิ่นหญ้าใต้ท้องฟ้าใสกับใครสักคน นี่คือหนังสืออีกเล่มที่คนรักภูเขาไม่ควรพลาด”…อ่านต่อ
อินทรชัย พาณิชกุล


“หนังสือเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง พ่อกับลูกชาย มิตรภาพวัยเยาว์ และหุบเขาที่เป็นฉากหลังอันสลักสำคัญของเรื่องราวทั้งหมด ถ่ายทอดผ่านมุมมองของ ปิเอโตร ลูกชายคนเดียวของครอบครัวที่มีพ่อเป็นนักเคมีผู้เก็บเนื้อเก็บตัว และหลงรักภูเขาเป็นชีวิตจิตใจ ขณะที่แม่เป็นพยาบาล รักการอ่านหนังสือ ชื่นชอบการสนทนากับผู้คน และเพื่อนฝูง — เรื่องราวที่ดูเรียบง่าย ไม่มีอะไรหวือหวาน่าลุ้น แต่กลับเต็มไปด้วยความงดงาม สัจธรรม และธรรมชาติ”…อ่านต่อ
เรื่องเล่าร้านหนังสือ


“ความสัมพันธ์ของพ่อลูก ความอบอุ่นจากลมใต้ปีกของผู้เป็นแม่ หรือกระทั่งตัวแปรสำคัญอย่างคนรัก ล้วนเป็นองค์ประกอบที่หลอมรวมจนเกิดเป็นนิยายขนาดสั้นเล่มนี้”…อ่านต่อ
รัตนาวดี โสมพันธ์